April 20, 2024

“แซดทีอี” เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2565

แซดทีอี คอร์ปอเรชัน (ZTE Corporation) (0763.HK/000063.SZ) ผู้ให้บริการด้านโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ได้เปิดตัวรายงานความยั่งยืนประจำปี 2565 (2022 Annual Sustainability Report) ในวันนี้ โดยมีเนื้อหาครอบคลุมผลงานที่โดดเด่นของแซดทีอี และแผนการในอนาคตเพื่อตอบรับกลยุทธ์ “ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล” (Driver of Digital Economy) เพื่อเติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร

ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของสังคม สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างการมีส่วนร่วมในชุมชนระดับโลก และยกระดับธรรมาภิบาลขององค์กร แซดทีอีแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบผ่านการเผยแพร่รายงานฉบับนี้ต่อสาธารณชนโดยสมัครใจทุกปีนับตั้งแต่ปี 2552 โดยปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า 15 ปี

เสริมสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกอย่างมีคุณภาพ

ในปี 2565 ภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกยังคงเต็มไปด้วยความซับซ้อน ประกอบด้วยแรงกดดัน ความท้าทาย และความไม่แน่นอนต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้กลายเป็นสิ่งสำคัญ และการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของยุคดิจิทัลนี้จึงทำให้แซดทีอียังคงมุ่งเน้นที่การเพิ่มขีดความสามารถด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องโดยอาศัยประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของบริษัท แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทั่วโลกผ่านการพัฒนาและการส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารใหม่ ๆ

คุณซู จือหยาง (Xu Ziyang) กรรมการบริหารและซีอีโอของแซดทีอี ได้กล่าวเน้นย้ำในรายงานว่า “แซดทีอีจะยึดมั่นในบทบาทของตนในฐานะผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและมุ่งสู่ความเป็นเลิศใน พร้อมกับจัดการกับความท้าทายที่ยากที่สุด เราจะร่วมมือกับพันธมิตรทั่วอุตสาหกรรมด้วยความมุ่งมั่นที่มากขึ้นเพื่อสร้างสิ่งใหม่ ๆ และเป็นส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจคุณภาพสูงเพื่อทำให้โลกนี้ดีขึ้นกว่าเดิมสำหรับทุกคน”

รายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของแซดทีอีด้านนวัตกรรมอิสระและการมุ่งเน้นด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดย ณ สิ้นปี 2565 แซดทีอีได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรทั่วโลกกว่า 85,000 รายการ โดยมีสิทธิบัตรประมาณ 43,000 รายการที่ได้รับการรับรองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจแอลแอล (JLL) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการการลงทุนระดับโลก ได้ยกย่องให้แซดทีอีเป็นผู้เล่นชั้นนำในการปรับใช้สิทธิบัตรทั่วโลก และเป็นบริษัทที่มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการวิจัยและการสร้างมาตรฐานสำหรับเทคโนโลยี 5G ในระดับโลก

ในฐานะผู้นำในการปฏิวัติด้านดิจิทัล แซดทีอียังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าและเสริมศักยภาพให้แก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลใหม่ ในปี 2565 แซดทีอีได้จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับบริษัทมากกว่า 500 แห่งใน 15 อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต โลหะและเหล็กกล้า เหมืองแร่ พลังงาน การขนส่ง และองค์กรขนาดใหญ่ แซดทีอีใช้โซลูชันที่ทันสมัยในการอำนวยความสะดวกโครงการดิจิทัลหลายร้อยแห่ง นำไปสู่การพัฒนาโครงการเรือธงจนประสบความสำเร็จจำนวนมาก ความพยายามเหล่านี้ช่วยเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลโดยรวมและความก้าวหน้าของสังคมอย่างมีนัยสำคัญ

เร่งกลยุทธ์คาร์บอนต่ำอย่างต่อเนื่องเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

แซดทีอีมีความมุ่งมั่นในแนวคิดการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจทั่วโลกสู่ยุคคาร์บอนต่ำอย่างจริงจัง บริษัทมุ่งมั่นในการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยมาตรการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษ เพื่อช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านั้นสามารถเติบโตตามแนวทางการพัฒนาสีเขียวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีเป้าหมายที่จะก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำ

คุณเซี่ย จวิ้นซือ (Xie Junshi) รองประธานบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของแซดทีอี กล่าวในรายงานว่า “แซดทีอียึดมั่นในกลยุทธ์คาร์บอนต่ำ และก้าวไปข้างหน้าบนเส้นทางสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราได้แต่งตั้งทีมงานระดับองค์กรและริเริ่มโครงการลดคาร์บอนหลักจำนวน 10 โครงการอย่างเป็นระบบตามเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนที่เราตั้งไว้”

แซดทีอีดำเนินตามกลยุทธ์เศรษฐกิจดิจิทัลในสี่มิติหลัก ได้แก่ การดำเนินงานระดับองค์กรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ห่วงโซ่อุปทานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทได้เพิ่มความพยายามในการประหยัดพลังงานและลดการปล่อยมลพิษตลอดการผลิตและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถสร้างเครือข่ายคาร์บอนต่ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างครอบคลุม

ในปี 2565 ในขณะที่บริษัทยังคงมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง แซดทีอีประสบความสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 7.48% เมื่อเทียบรายปี (สโคป 1, 2 และ 3) นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในการลดการใช้พลังงานต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายได้มากกว่า 14% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายและถูกใช้ลง 4.9% นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น “5G-to-Manufacture 5G” และโรงงานมืดสำหรับขั้นตอนการผลิต ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยลงถึง 9.3% ในกระบวนการผลิตสินค้า 5G และลดการใช้ไฟฟ้าลงกว่า 7.13% เมื่อเทียบกับปีก่อน

นอกจากนี้ แซดทีอียังพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เช่น คลาวด์พลังงาน AI การผลิตพลังงานสีเขียว และการจัดเก็บพลังงานอัจฉริยะ เพื่อเร่งการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน บริษัทร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมมากกว่า 500 รายเพื่อสำรวจการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีด้านการประหยัดพลังงาน การลดการปล่อยมลพิษ และการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัลในภาคส่วนต่าง ๆ

ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการปรับปรุงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ในปี 2565 แซดทีอีได้รับคะแนนระดับ “A-” จากองค์กรวิจัยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก (Carbon Disclosure Project หรือ CDP) สำหรับผลงานที่โดดเด่นในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัลผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมจากเวทีซีดีพี ไชน่า 2565 (CDP China 2022) และได้รับการรับรองมาตรฐานการตรวจสอบก๊าซเรือนกระจก ISO 14604-1:2018 จากเอสจีเอส (SGS) โดยเป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจีนที่ได้รับการยอมรับนี้

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 แซดทีอีได้จัดพิธีลงนามข้อตกลงเข้าร่วมในโครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative หรือ SBTi) โดยบริษัทจะกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยมลพิษตามหลักวิทยาศาสตร์ในระยะเวลาอันใกล้เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของโครงการ และมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในระยะยาว ทั้งนี้ ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แซดทีอีตั้งเป้าที่จะบรรลุการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญตามแนวทางการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์อย่างช้าที่สุดภายในปี 2593

ในฐานะผู้สนับสนุนการพัฒนาสีเขียว แซดทีอีส่งเสริมการประหยัดพลังงานและการลดการปล่อยมลพิษอย่างจริงจัง รวมถึงใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและข้อได้เปรียบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขั้นสูงในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกันในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างคาร์บอนต่ำ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและมีส่วนร่วมในอนาคตที่ยั่งยืน

อ้าแขนรับความเปิดกว้างและความโปร่งใส เพิ่มศักยภาพการเติบโตของพันธมิตรระบบนิเวศร่วมกัน

แซดทีอีมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ปลอดภัยเชื่อถือได้แก่อุตสาหกรรมและลูกค้า บริษัทมีการเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องและแสวงหาการรับรองและความไว้วางใจจากภายนอกผ่านวิธีการที่เปิดกว้างและโปร่งใส แซดทีอีเป็นบริษัทแรกของโลกที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย NESAS CCS-GI จากสำนักงานความปลอดภัยข้อมูลแห่งเยอรมนี (BSI) นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการรับรองและการตรวจสอบระบบการจัดการต่าง ๆ ประกอบด้วยมาตรฐาน ISO 9001, TL 9000, QC 080000, ESD, ISO 45001, ISO 14001 และ ISO 22301 มาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงฐานการผลิตที่สำคัญหลายแห่งสำหรับหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท

นอกจากนี้ แซดทีอียังอุทิศตนเพื่อยกระดับการจัดการความรับผิดชอบของซัพพลายเออร์และนำแนวทางปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีความรับผิดชอบมาใช้ บริษัทสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์สร้างและใช้งานระบบการจัดการ CSR อย่างมีประสิทธิภาพผ่านการรับรอง CSR ของซัพพลายเออร์ การประเมินความเสี่ยง การตรวจสอบสถานที่ และการฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพ ในปี 2565  แซดทีอีได้ริเริ่มการตรวจสอบซัพพลายเออร์แบบคาร์บอนคู่เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ความเป็นกลางทางคาร์บอนโดยรวมของบริษัท โดยมีการดำเนินการตรวจสอบซัพพลายเออร์จำนวน 109 ราย และร่วมมือกับพันธมิตรซัพพลายเออร์เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาร่วมกัน

บุกเบิกเทคโนโลยีเพื่อสังคมที่ดีกว่าเดิม เติมเต็มความรับผิดชอบขององค์กรที่มีต่อสังคม

ในฐานะองค์กรระดับโลก แซดทีอีได้ยึดถือหลักการพัฒนาแบบยั่งยืนมาอย่างยาวนาน มีความจริงจังด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและส่งต่อความห่วงใยไปยังผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก บริษัทได้ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในฐานะบรรษัทข้ามชาติที่ดี

มูลนิธิแซดทีอี (ZTE Foundation) ยังดำเนินโครงการการกุศลกว่า 157 โครงการในด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ การบรรเทาความยากจน และอื่น ๆ อีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อตั้งมูลนิธิขึ้น มอบความช่วยเหลือแก่ผู้คนกว่า 100,000 คน โดย ณ สิ้นสุดปี 2565 มูลนิธิมีจำนวนสมาชิกอาสาที่ลงทะเบียนไว้จำนวนทั้งสิ้น 8,063 คน และมีจำนวนชั่วโมงจิตอาสารวมกว่า 19,746.5 ชั่วโมง นับเป็นเวลาหกปีติดต่อกันที่มูลนิธิแซดทีอีได้รับคะแนนเต็มในดัชนีความโปร่งใสมูลนิธิจีน (China Foundation Transparency Index หรือ FTI) นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลอื่น ๆ เช่น “องค์กรเพื่อการกุศล 10 อันดับแรก” และ “โครงการล้ำสมัย 10 อันดับแรก” จากโครงการทัชชิง เซินเจิ้น แคร์ แอกชัน (Touching Shenzhen Care Action) ที่ยกย่องการมีส่วนร่วมอันโดดเด่นของบริษัทต่อชุมชน

ในอนาคต แซดทีอีจะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก และสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขของสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แซดทีอีพร้อมส่งเสริมความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและปูทางไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงตั้งเป้าขับเคลื่อนการเติบโตแบบยกระดับอย่างครอบคลุม เพื่อสร้างโลกที่สดใสและยั่งยืนกว่าเดิม

ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายงานความยั่งยืน 2565 ฉบับเต็มได้ที่นี่
สำหรับไฮไลท์เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานความยั่งยืน 2565 โปรดคลิกที่นี่