April 19, 2024

“ไวโม” เสริมความยืดหยุ่นด้านการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงบนคลาวด์สำหรับสถาบันการเงิน

ไวโม (Vymo) แพลตฟอร์มสร้างการมีส่วนร่วมในการขายที่ได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินชั้นนำ ประกาศว่าบริษัทได้อัปเกรดความสามารถในด้านการรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจและการกู้คืนความเสียหาย (Business Continuity & Disaster Recovery หรือ BCP & DR) รวมถึงติดตั้งระบบสำรองเพื่อการป้องกันและความพร้อมของข้อมูล สถาปัตยกรรมความพร้อมใช้งานข้อมูลของไวโมช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ความท้าทายด้านความยืดหยุ่นและความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำด้านไอทีในอุตสาหกรรมธนาคารและการประกันภัย หน่วยงานกำกับดูแลต้องการให้ผู้ให้บริการมีกลยุทธ์ความต่อเนื่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและป้องกันการหยุดชะงักของบริการ อย่างที่เคยเกิดขึ้นในการแพร่ระบาดของโควิด-19

ไวโมมีแผนกลยุทธ์ด้านคลาวด์ที่เน้นความลีนและคล่องตัว โดยจะก๊อบปี้ข้อมูลไว้ในหลายโซนและหลายภูมิภาค ในกรณีที่ศูนย์ข้อมูลเกิดล้มเหลวขึ้นมา ลูกค้าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ผ่านศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสูญเสียข้อมูล สิ่งนี้จะช่วยยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าโดยรวม และช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่สะดุด

คุณเวนกัต มัลลาดี (Venkat Malladi) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีทีโอของไวโม กล่าวว่า “ธนาคารและบริษัทประกันภัยรายใหญ่ระดับโลกหลายแห่งเชื่อมั่นในไวโมในการมอบการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ตลอดเวลาเพื่อสนับสนุนลูกค้าของพวกเขา เมื่ออุตสาหกรรมนี้หันมาใช้แนวทางแบบเน้นคลาวด์เป็นหลัก เราจึงได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลของเราอยู่เสมอ ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของลูกค้าของเรา สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงการวิเคราะห์ และช่วยให้ตัดสินใจได้ดีกว่าเดิมเพื่อเอาชนะความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม”

ไวโมกำลังโยกย้ายให้ลูกค้าปัจจุบันหันไปใช้สถาปัตยกรรมคลาวด์แบบใหม่โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาการหยุดชะงักกับผู้ใช้ปลายทาง ปัจจุบัน ไวโมได้แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาสูงสุดที่ยอมให้ข้อมูลสูญหาย (Recovery Point Objective – RPO) ไม่เกิน 2 นาที และเวลากู้คืนระบบที่ยอมรับได้ (Recovery Time Objective – RTO) ภายใน 4 ชั่วโมง

คุณสุเจย์ โคดูรี (Sujay Koduri) รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของไวโม กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นที่การจัดหาโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่มั่นคงให้แก่ลูกค้าของเรา เราได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าของเราในอเมริกาเหนือและเอเชีย เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนไปใช้สถาปัตยกรรมคลาวด์แบบใหม่จะเป็นไปอย่างราบรื่น ในอีกไม่กี่ไตรมาสถัดไป เราจะทุ่มให้กับการฝึกซ้อมการกู้ข้อมูลเป็นระยะ และอัปเกรดเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การย้ายข้อมูลและบริการไปยังศูนย์ข้อมูลต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่น ตลอดจนทำการทดสอบโหลดของบริการเพื่อยกระดับมาตรฐาน RPO และ RTP ของเราต่อไป”