IoT + AI ช่วยเพิ่มดีกรีความรักและความโรแมนซ์ให้กับชีวิต
การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากกว่าล้านล้านไบท์ผ่านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และระบบการแนะนำขั้นสูงของการคาดการณ์แบบเรียลไทม์จะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของคนยุคใหม่ในปัจจุบัน
ซอวิค บาเนอร์จี, Global CTA & Innovation Lead (Omni Channel, IoT, Industry 4.0 & AI), Digital Business Services, Asia Pacific & Japan, SAP กล่าวว่า หากลองมองย้อนกลับไป ผมเคยเป็นคนหัวสมัยเก่า ที่เคยจีบสาวด้วยการส่งกระดาษโน้ต หรือโทรศัพท์หาเธอจากโทรศัพท์บ้าน เสียงปลายสายในยุคที่ยังไม่มีการสื่อสารรูปแบบกระจายเสียงอย่างในปัจจุบัน คือสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขมาก ผมได้มีโอกาสรอคอยเธอในยุคที่การเดินทางอย่างรวดเร็วของ Uber ยังมาไม่ถึง หากมองย้อนกลับไป ผมคิดว่าประสบการณ์ออกเดทในช่วงเวลาเหล่านั้นมันทั้งเต็มไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา และโรแมนติกอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
กลับมาที่ปี 2016ผมคิดว่าวิธีการจีบกันของคนเราไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่แน่นอนว่า เทคโนโลยีมีความฉลาดขึ้นและเร่งสปีดการพบเจอกันของมนุษย์เราให้เร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ความลึกลับต่างๆหายไป แต่อุปสรรคในการใช้เวลากับคนที่เราชอบได้มากขึ้นกลับไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยการมาถึงของชุดคำสั่ง (algorithms) ของโปรแกรมแชทต่างๆที่เกิดขึ้น รวมถึงจำนวนผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนบนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย ต่างๆ เช่น Facebook, Twitter, Instagram และ WhatsApp เป็นต้น
ผมชอบเด็กรุ่นใหม่นะ พวกเขาไม่สนใจในเรื่องความลึกลับ ความน่าค้นหา ในการออกเดท แต่ให้ความสำคัญกับสิ่งอื่น โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่พวกเราอาศัยอยู่ในยุคที่มีการใช้งานดีไวซ์กว่า 6 พันล้านเครื่องทั่วโลก เด็กรุ่นใหม่เหล่านี้ตกใจมากเมื่อรู้ว่าสมัยก่อนพวกเราออกเดทอย่างไร และพวกเขาไม่เข้าใจว่าผมทนอยู่กับความลึกลับ ความไม่รู้ต่างๆได้อย่างไร ทุกวันนี้เรามีแอพพลิเคชั่นอย่าง Flow, Tinder และแพลตฟอร์มอีกนับไม่ถ้วนที่ช่วยนำพาให้คนที่มีความคิด ความชอบเหมือนๆกันให้มาเจอกันได้ง่ายขึ้น พวกเขาเร่งสปีดความโรแมนติคให้เร็วขึ้น และพวกเขามีความสุข ผมชอบที่วิธีการจัดการกับความคาดหวังในความสัมพันธ์ถูกเพิ่มให้มากขึ้นด้วยการใช้ FaceTime, Skype และเพียงแค่พวกเขาคิดถึงใครสักคน ก็สามารถติดต่อหาใครคนนั้นได้ทันทีภายในไม่กี่วินาที ผมคงจะใช้เครื่องมือดิจิตอลเหล่านี้แน่นอน ถ้ามันมีอยู่ในยุคของผม
สำหรับประเทศไทย ด้วยระบบสื่อสารไร้สาย4G และจำนวนดีไวซ์ราคาย่อมเยาว์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ที่มีเพิ่มขึ้น ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนหลักในการปรับใช้IoTในประเทศไทย นอกจากนี้ จากรายงานของ Frost & Sullivan ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่า การลงทุนด้านไอโอทีของประเทศไทยจะเพิ่มสูงขึ้นไปมากกว่า 1,600 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ประมาณ 973.3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในปี 2020
และเช่นเดียวกันกับอีกหลายประเทศทั่วโลก เทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงวิธีการเดทของคนไทยยุคใหม่ไปอย่างมาก ไลฟ์สไตล์ของคนเรากำลังเปลี่ยนไป เราต้องการความรวดเร็ว ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเราโดยเฉพาะ ทุกวันนี้ ประเทศไทยเต็มไปด้วยเว็บไซต์หาคู่หลายร้อยเว็บ พร้อมทั้งแอพพลิเคชั่นหาคู่อีกนับไม่ถ้วน เพื่อเพิ่มโอกาสในการหาคนที่ใช่ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น ด้วยความสามารถของประเทศไทยในการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงได้มากขึ้น และสมาร์ทโฟนราคาจับต้องได้มากมายในท้องตลาด ส่งผลให้การใช้แอพพลิเคชั่นหาคู่ได้รับความนิยมสูงมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่คนไทย เนื่องจากฟีเจอร์ที่ตรงใจผู้ใช้งาน และการใช้งานที่ง่ายดาย ไม่ซับซ้อน
ลองคิดถึงชุดคำสั่งต่างๆ ทั้ง deep learning และ machine learningซึ่งไหลเวียนอยู่ในอุปกรณ์ไอโอที (IoT) ที่ได้รับความนิยมสูงสุดซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันอย่างสมาร์ทโฟนดูสิ ผมเคยต้องออกกำลังกายอย่างหนักก่อนที่จะออกไปเดทกับผู้หญิงสวยๆสักคน แต่ทุกวันนี้ ผมสามารถใช้สายรัดข้อมือ Fitbit Blazeในการติดตามค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ของตัวเองได้ตลอดเวลา เพื่อให้ตัวผมเองดูแลสุขภาพได้ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ตอนก่อนจะไปออกเดทกับใคร เจ๋งมากเลยใช่ไหม?
ชุดคำสั่งประดิษฐ์ที่มีอยู่มากมายในปัจจุบันส่งผลให้อารมณ์ของเราปั่นป่วนได้เพียงแค่นึกถึง “ใครคนนั้น” และพวกเขาจะขึ้นมาบนหน้าฟีดของ Facebook ของเราทันที การค้นหาภาพจะเป็นการขยายแพลตฟอร์มเครือข่ายของชุดคำสั่ง และการจับคู่จะถูกขับเคลื่อนโดยชุดคำสั่งการรวบรวมรายชื่อ เพื่อดูว่าการค้นหาแฟนเก่าของคุณในครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไร
ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะตามหา “แฟนเก่า” ที่เราพยายามทำใจให้ลืมอยู่หลายปี แต่ปัจจุบัน ในปี 2016 ด้วยการสนับสนุนของเทคโนโลยีชุดคำสั่งเพื่อการค้นหาจากภาพ รวมถึงเทคนิคdeep learning ที่มีพื้นฐานจากโมเดลการตัดสินใจแบบ neural modelling ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในหมู่โซเชียล เน็ตเวิร์ค ทุกวันนี้ การตามหาแฟนเก่าก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากใช้ความพยายามที่มากพอ เพียงแค่ 2-3 ชั่วโมง เราก็สามารถรับรู้ถึงการใช้ชีวิตของเขาคนนั้นได้ไม่ยาก นอกจากนี้ เทคโนโลยีการเปลี่ยนข้อความที่พิมพ์ลงไปให้กลายเป็นคำสั่งเสียง ซึ่งเราเห็นกันได้ใน Siri และการค้นหาคลิปบน YouTubeที่ไม่ใช่แค่จับสำเนียงผู้พูดเท่านั้น แต่มีการจับเสียงที่ใกล้เคียงกับชื่อคนมากที่สุด ส่งผลให้การตามหา “แฟนเก่า” เพื่อหาโอกาสในการกลับมาคุยกันใหม่ หรือเพียงเพื่อติดต่อกันเอาไว้เหมือนเพื่อนเก่าคนหนึ่ง ก็สามารถเกิดขึ้นได้แบบเรียลไทม์
ทุกวันนี้ เราอยู่ในระบบอีโคซิสเต็ม (ecosystem) ซึ่งถูกควบคุมด้วยโมเดลและเทคนิคปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence– AI) ถูกขับเคลื่อนโดยอุปกรณ์ไอโอทีต่างๆ โดยข้อมูลที่เกิดขึ้นจะถูกส่งต่อและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากกว่าล้านล้านไบท์ผ่านซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ ระบบการแนะนำขั้นสูงของการคาดการณ์แบบเรียลไทม์กลายเป็นตัวขับเคลื่อนความสัมพันธ์ของคนยุคใหม่ในปัจจุบัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมคนที่มีความชอบเหมือนๆกัน ซึ่งไม่น่าจะพบเจอกันได้ง่ายในชีวิตจริง สามารถหากันเจอได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตาม มีอีกประเด็นหนึ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ ถึงแม้ว่าอารยธรรมของมนุษย์เรานั้นได้ก้าวหน้าไปมาก และนวัตกรรมของเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอโอที, การค้าขายแบบหลากหลายช่องทาง (omni-channel), บิ๊ก ดาต้า หรือแม้กระทั่ง AI กำลังมีอิทธิพลอย่างมากในโลกของเรา แต่ในแง่ของความสัมพันธ์ เหตุผลในการมอบดอกกุหลาบให้กัน และความรู้สึกตื่นเต้น ตื้นตัน ขัดเขินระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายยังคงมีอยู่ ไม่ได้เปลี่ยนไปจากการมีอยู่ของเทคโนโลยีใดๆก็ตาม ดังนั้น ขอให้คุณโอบรับความรู้สึกเหล่านั้นไว้ อย่าปล่อยให้ความโรแมนติกหายไปตามความรวดเร็วของเทคโนโลยีในปัจจุบัน