IBM เดินหน้าระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงยานยนต์ IoT

ไอบีเอ็มเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถนำข้อมูลจากผู้ขับและยานยนต์มาวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อให้สามารถคาดการณ์การซ่อมบำรุงได้ล่วงหน้า ทราบปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ได้แบบเรียลไทม์ และช่วยแนะนำเส้นทางที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ขับ โดยจะเป็นการให้บริการผ่านระบบคลาวด์ซอฟต์เลเยอร์ของไอบีเอ็ม ที่ช่วยให้การรับ-ส่งข้อมูลระหว่างรถยนต์และคลาวด์เป็นไปอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2563 ร้อยละ 90 ของรถใหม่จะมาพร้อมกับระบบเชื่อมโยงยานยนต์มากมาย[1] โดยปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างๆ เริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากระบบเชื่อมโยงดังกล่าวแล้ว
โซลูชั่นอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์สำหรับยานยนต์ของไอบีเอ็ม ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นบนไอบีเอ็มอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์ฟาวน์เดชั่น จะช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ พร้อมนำมารวมกับข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างข้อมูลจากเทคโนโลยีที่ช่วยหาพิกัด เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกแบบเรียลไทม์และประมวลผลออกมาเป็นข้อมูลสำหรับผู้ขับ ตัวรถ และสิ่งที่อยู่แวดล้อม พร้อมกันนี้ยังสามารถนำข้อมูลจากภายนอกมาช่วยเพิ่มมุมมองต่างๆ ให้กับผู้ขับ อาทิ ข้อมูลจากผู้ให้บริการที่จอดรถต่างๆ ข้อมูลลูกค้าและประวัติการใช้งานยานพาหนะต่างๆ จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เป็นต้น
ปัจจุบัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของโลกอย่างคอนติเนนทัล ได้ใช้ไอบีเอ็มเมสเสจไซท์ (IBM MessageSight) และไอบีเอ็มอินโฟสเฟียร์ (IBM InfoSphere) ซึ่งเป็นคอมโพเนนท์หนึ่งของโซลูชั่นอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์สำหรับยานยนต์ของไอบีเอ็ม ในการช่วยจัดการข้อมูลที่มีความซับซ้อนและเพิ่มความสามารถเชิงอนาไลติกส์ให้กับโซลูชั่นอีฮอไรซั่น (eHorizon) ช่วยให้ระบบควบคุมของรถสามารถทราบสภาพถนนข้างหน้าได้ล่วงหน้าจากการทำแผนที่ข้อมูลดิจิทัลและการคราวด์ซอร์สข้อมูลที่ต้องการ
นายเดิร์ค วอลช์เลเกอร์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอุตสากรรมยานยนต์โลก ไอบีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนรถที่มีระบบเชื่อมโยงยานยนต์ ทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สามารถนำข้อมูลที่ดึงมาได้ในอัตราความเร็วเกือบเรียลไทม์ไปปรับใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหาที่จอดรถที่ใกล้ที่สุด การหาเส้นทางที่ดีที่สุด ระบบแจ้งเตือนที่ทำให้ผู้ขับทราบถึงปัญหาที่อาจคาดไม่ถึง โดยนอกจากโซลูชั่นอินเตอร์เน็ตอ็อฟธิงส์สำหรับยานยนต์ของไอบีเอ็มจะสามารถประมวลข้อมูลผู้ขับและรถยนต์จำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การพัฒนาแอพพลิชั่นต่างๆ เป็นไปได้ในระยะเวลาอันสั้น ตั้งแต่เครื่องมือที่ช่วยสร้างแอพต้นแบบได้อย่างรวดเร็ว ไปจนถึงตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่างๆ ที่สามารถปรับเพิ่ม-ลดการใช้งานได้ตามความต้องการ”
[1] Carlos Morales Paulin, “Connected Car Industry Report” Telefonica 2013.