April 25, 2024

ฟอร์ติเน็ตเปิดตัวไฟร์วอลล์ ซีรีส์ FortiGate 6000F Series เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม

ฟอร์ติเน็ตเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ไฟร์วอลล์เน็กซ์เจเนอเรชั่นซีรีส์ใหม่ “FortiGate 6000F Series”   เพื่อตอบสนองเทรนด์ความต้องการใหม่ๆ ขององค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพร้ส์ต้องการผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยเครือข่ายในระดับสูงขึ้น เพื่อรองรับการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายมัลติคลาวด์ การใช้อุปกรณ์โมบายและไอโอทีที่มีมากขึ้น รองรับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจำนวนมากมายเข้ามาในเครือข่ายองค์กร

FortiGate6500F_Front previewในปัจจุบัน เครือข่ายองค์กรส่วนเอจ (EDGE) รองรับการใช้งานอุปกรณ์โมบาย เครือข่ายมัลติคลาวด์ และไอโอทีที่มีการเข้ารหัสข้อมูลมากขึ้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องการใช้แบนวิธด์สูงขึ้น มีทรูพุธสูงขึ้น รวมถึงความจุด้าน Session capacity สูงขึ้น   องค์กรจึงจำเป็นต้องพัฒนาเครือข่ายส่วน EDGE ให้มีความทันสมัยมีศักยภาพการทำงานให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ พื้นที่ที่อาจโดนภัยคุกคามประเภทดิจิตัลสามารถเกิดขึ้นได้กว้างขวางขึ้น ภัยมีความซับซ้อนมากขึ้น จึงยิ่งทำให้องค์กรอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย สามารถปรับให้เข้ากับความเร็วและขนาดของอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงเข้ามาในเครือข่าย บริหารจัดการได้ง่าย

อุปกรณ์ตระกูล “FortiGate 6000F Series”   ใหม่นี้สร้างขึ้นจากสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ยุคหน้าของฟอร์ติเน็ตซึ่งรวมเอาการ์ดประมวลผลหลายซีพียูแบบแยกส่วน (Multi-CPU processing card) ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวและมีสมรรถนะในขนาดกะทัดรัด  สร้างประสิทธิภาพการทำงาน ความเสถียร ความจุของอุปกรณ์ขนาดคอมแพคนี้ ให้เป็นในระดับอุปกรณ์ที่มีชัสซีได้

FortiGate 6000F เป็นอุปกรณ์ไฟร์วอลล์เน็กซ์เจเนอเรชั่น (NGFW) ที่ทำงานเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม

จากการทดสอบของรุ่น  FortiGate 6300F  และ FortiGate 6500F ในการป้องกันภัยคุกคามและตรวจสอบ SSL ได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถรองรับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสจำนวนมากมายที่เข้ามาในเครือข่ายองค์กรได้  จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า FortiGate 6000F เป็นอุปกรณ์ไฟร์วอลล์เน็กซ์เจเนอเรชั่นที่ทำงานเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม

FortiGate 6300F FortiGate 6500F
Threat Protection 60 Gbps 100 Gbps
SSL Inspection 70 Gbps 130 Gbps
NGFW Throughput 80 Gbps 140 Gbps
Session Capacity 100M 170M

ยกระดับการเชื่อมต่อขององค์กร

อุปกรณ์มีอินเตอร์เฟสประเภท High density zSFP+ และ QSFP28 เพื่อรองรับการเชื่อมต่อในระดับความเร็ว 10G, 40G, 100Gbps และ 25G data rates เพื่อความง่ายการขยายตัวของเครือข่ายในอนาคต

สถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ยุคหน้า

อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยโดยทั่วไปมักนิยมใช้สถาปัตยกรรมความปลอดภัยแบบเบลดโมดูลาร์ในแชสซี (Modular security chassis) ในอุปกรณ์ฮษร์ดแวร์ แต่ ฟอร์ติเน็ตสามารถพัฒนาการ์ดประมวลผลภายใน (Internal processing cards) ที่มีขนาดกะทัดรัด ทำงานได้เท่าเทียบกับแบบเบลดโมดูลาร์   จึงนับว่าฟอร์ติเน็ตเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ยุคหน้ารายแรกในอุตสาหกรรมแรก

โดยการ์ดประมวลผลแต่ละเครื่องประกอบด้วยซีพียู 12 คอร์หลักหลายตัว (Multiple 12-core CPUs) มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลด้านความปลอดภัย (Security Processing Units: SPUs) และหน่วยประมวลผลสำหรับคอนเท้นต์ Content Processors (CP9) และหน่วยประมวลผลสำหรับการทำงานเครือข่าย Network Processors (NP6)  แยกออกจากกัน  ทั้งนี้ กลุ่ม FortiGate 6000F series สามารถรองรับการ์ดประมวลผลได้ถึง 10 ชุดในอุปกรณ์ ที่มีขนาด 3U

การออกแบบใช้การ์ดประมวลผลภายในที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้จะช่วยให้สามารถใช้สมรรถนะด้านความปลอดภัยเทียมเท่ากับแบบแชสซีแบบดั้งเดิมได้ เช่น มีความยืดหยุ่นสูง และมีช่วงเซสชั่นสูง ในขณะที่ยังให้ความเร็วในการทำงานด้านรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอุปกรณ์ขนาดคอมแพ็ค  รวมถึง การใช้ฟีเจอร์โหลดบาล้านซ์ของฮาร์ดแวร์โดยใช้ตัวประมวลผลการแจกจ่ายแบบกำหนดเองใหม่ (Distribution Processors: DP3) ที่กำหนดโหลดงานได้อีกด้วย

ปาสคาล ปัวโร รองประธานฝ่ายกลยุทธ์การรักษาความปลอดภัยของ ePlus กล่าวว่า

“คอมพิวเตอร์ในระบบคลาวด์กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ช่องว่างในการป้องกันอาจเกิดขึ้นได้หากโซลูชันด้านความปลอดภัยไม่สามารถทันกับสภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ของรัฐเอกชนและไฮบริดได้อย่างคล่องตัว การเติบโตของ IoT และ Mobility ยังทำให้ความต้องการขนาดใหญ่เกี่ยวกับประสิทธิภาพและสถาปัตยกรรมด้านความปลอดภัยเนื่องจากข้อมูลจะไปถึงจุดหล่านี้   ePlus ได้ ตระหนักถึงเทรนด์นี้และได้ลงทุนอย่างมากในการจัดหาโซลูชั่นด้านความปลอดภัยที่ครบถ้วนเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับฟอร์ติเน็ตและยกระดับแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งให้มีขนาดและรักษาสภาพแวดล้อมแบบแปรผันเหล่านี้ได้”