03/26/2023

Top Story

อเมริกาเริ่มทดสอบ AI ‘CoPilot’ เพื่อช่วยแพทย์จดบันทึกดูแลผู้ป่วย

The University of Kansas Health System กำลังเตรียมทดสอบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์สร้างโน้ตจากการสนทนากับผู้ป่วยโดยอัตโนมัติ

โครงการนี้ถือว่าเป็น “การประยุกต์ใช้ AI แบบ generative เพื่อการดูแลสุขภาพ” โดยใช้ซอฟท์แวร์ที่พัฒนาโดยบริษัท Abridge จาก Pittsburgh, Pennsylvania ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดภาระงานของผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพและปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย

Shivdev Rao ซีอีโอของบริษัทและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจหัวใจ กล่าวว่าแพทย์ต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงในการเขียนบันทึกจากการเข้าพบผู้ป่วยก่อน ก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าอื่นๆ ต่อไปได้

ซอฟต์แวร์ของ Abridge จะสร้างบทสรุปของการสนทนาทางการแพทย์โดยอัตโนมัติโดยใช้ AI และอัลกอริธึมการประมวลผลภาษาธรรมชาติ

ในการสาธิตสั้นๆ ด้วยการแสดงเป็นผู้ป่วยที่คุยกับ Rao เกี่ยวกับการหายใจลำบาก โรคเบาหวาน และการดื่มไวน์สามขวดทุกสัปดาห์ ซอฟต์แวร์ของ Abridge สามารถจดบันทึกสิ่งต่างๆ เช่น อาการ ยาที่แพทย์แนะนำ และการดำเนินการที่แพทย์ควรติดตามในการนัดหมายในอนาคต ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของแพทย์ได้ดีในระดับหนึ่ง

ที่มา : Theregister

NTT ทุ่ม 3 พันล้านเดินหน้าสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในพื้นที่ EEC

NTT ประกาศเมื่อเร็วนี้ว่า จะลงทุนมูลค่า 3000 ล้านบาท เพื่อสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยศูนย์ข้อมูล “Bangkok 3 Data Center” หรือ BKK3 แห่งใหม่จะพร้อมเปิดบริการเชิงพาณิชย์ช่วงครึ่งหลังของ พ.ศ. 2567 ด้วยขนาด 12 เมกะวัตต์ บนพื้นที่รวม 4,000 ตร.ม. 

Bangkok 3 Data Center ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ห่างจากใจกลางเมืองกรุงเทพฯเพียง 57 กม. ภายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลแห่งใหม่จะสามารถสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลและองค์กรต่างๆ

มาพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ บน ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เหมาะสม และความคุ้มค่าที่รองรับความหนาแน่นสูงถึง 30kW ต่อแร็ค โดยมาตรฐานการรับรองสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์นี้ ได้แก่ ANSI/TIA-942, ISO 27001, ISO 50001, PCI DSS and ISAE 3402 และมีกำหนดแล้วเสร็จประมาณกลางปี พ.ศ. 2566

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลแห่งใหม่ยังเป็นไปตามมวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัท NTT Group ที่มุ่งเน้นการใช้งานนวัตกรรมสีเขียวตามแผนระยะยาวถึงปี 2040 (พ.ศ. 2583) กรอบวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะช่วยให้ NTT บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทภายใน พ.ศ. 2573 และทั่วทั้งห่วงโซ่ value chain ภายใน พ.ศ. 2583 สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการบรรลุเป้าหมายปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 อีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ NTT ได้ริเริ่มโครงการการนำนวัตกรรมสีเขียวมาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมไปถึงการนำเทคโนโลยี Liquid Cooling Immersion มาปรับใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ที่ มุมไบ ประเทศอินเดีย และการเปิดตัวโครงสร้างของบริการ Sustainability-as-a-service แบบครบวงจร ที่ออกแบบมาเพื่อให้องค์กรสามารถเห็นถึงผลกระทบที่มีต่อภูมิอากาศของโลกและสามารถวางแผนลดการปล่อยก๊าสเรือนกระจกระหว่างการปฏิบัติงานได้อย่างทั่วถึง

จีนบอก ถ้าต้องขาย TikTok ให้อเมริกา อาจยอมโดนแบนดีกว่า

สมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนต้องการให้แอปดังกล่าวถูกแบนในสหรัฐ เนื่องจากเล็งเห็นว่ามีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ โดยแรงกดดันที่มีต่อ TikTok ในประเด็นดังกล่าวเริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เหล่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่า การถอนทุนโดยตรงไม่ใช่กลยุทธ์ที่ได้ผลแม้แต่น้อย เนื่องจากรัฐบาลจีนมองว่า เทคโนโลยีของ TikTok เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ไปตั้งแต่เมื่อปี 2563 เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถคัดค้านการขายอะไรก็ตามของไบต์แดนซ์ (ByteDance) ซึ่งเป็นบริษัทแม่จากจีน

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนมองว่า เทคโนโลยีขั้นสูงบางอย่าง ซึ่งรวมถึง อัลกอริทึมแนะนำคอนเทนต์ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ทางการจีนได้เสนอให้มีการคุมเข้มกฎระเบียบการขายเทคโนโลยีดังกล่าวให้ผู้ซื้อจากต่างชาติ

นายบร็อค ซิลเวอร์ส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของไคหยวน แคปิตอล (Kaiyuan Capital) กล่าวว่า “จีนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของสหรัฐให้บังคับขาย TikTok เพราะจีนยังคงมีสิทธิ์ขาดในการอนุมัติการขายดังกล่าว”

สตาร์ทอัพจีนคิดค้น “เครื่องจูบทางไกล” สำหรับคนขี้เหงา

บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนได้คิดค้น MUA เครื่องจูบระยะไกล มีลักษณะคล้ายแท่นวางมือถือที่มีริมฝีปากยื่นออกมาจากด้านหน้า หากต้องการใช้งาน คู่รักต้องดาวน์โหลดแอปลงบนสมาร์ทโฟนและจับคู่เครื่องจูบ เมื่อพวกเขาจูบอุปกรณ์ มันจะจูบกลับ

หัวใจการทำงานของ MUA ริมฝีปากซิลิโคน ฝังเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ซึ่งจะสามารถเก็บข้อมูลจำลองลักษณะการจูบของผู้ใช้ และมอเตอร์ขนาดเล็กที่ทำให้ปากเคลื่อนไหวได้

โดยจะส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังอุปกรณ์จูบที่จับคู่กัน โดยส่งข้อมูลไปยังริมฝีปากซิลิโคนของอีกเครื่อง ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหว ส่งเสียง และอุ่นขึ้นเล็กน้อย เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน

MUA เป็นชื่อที่ตั้งเสียงที่คนทั่วไปทำเมื่อส่งจูบ นอกจากการจูบระหว่างเครื่องที่จับคู่กันแล้ว ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดข้อมูลการจูบที่ผู้ใช้รายอื่นผ่านแอปได้ด้วย

ที่มาของการคิดค้น MUA เกิดขึ้นในช่วงปิดเมืองจากสถานการณ์โควิดของประเทศจีน ทำให้นักประดิษฐ์และผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง Zhao Jianbo คิดค้นเจ้าสิ่งนี้ขึ้นมา

MUA เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีนี้ มีราคาขายอยู่ที่ 260 หยวน หรือราว 1300 บาท แค่ในช่วงสองสัปดาห์หลังจากเปิดตัว บริษัทขายเครื่องจูบได้มากกว่า 3,000 เครื่อง และได้รับคำสั่งซื้อประมาณ 20,000 เครื่อง

หลังการเปิดตัว MUA ได้รับเสียงวิจารณ์มากมาย ผู้ใช้บางคนบอกว่ามันน่าสนใจ ในขณะที่บางคนบอกว่ามันทำให้รู้สึกอึดอัด ที่ฮาก็คือ มีบางคนบอกว่าน่าจะมีลิ้นด้วย 555

ที่มา : Theguardian

ตู้เอทีเอ็มบิตคอยน์ โดนแฮ็กผ่านช่องโหว่ Zero-day สูญเงินกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์ฯ

ผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มแบบบิตคอยน์ชั้นนำที่ให้คนมาซื้อขายเหรียญคริปโตได้มากกว่า 40 แบบอย่าง General Bytes ออกมายอมรับว่า มีแฮ็กเกอร์ขโมยเหรียญคริปโตจากบริษัท และจากลูกค้าผ่านช่องโหว่แบบ Zero-day บนแพลตฟอร์มจัดการ BATM

(more…)

ฟูจิตสึจัดงาน Fujitsu Day Thailand 2023 ชูการใช้ข้อมูล และระบบอัตโนมัติ สร้างองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ฟูจิตสึ ประเทศไทยจัดงานสัมมนาด้านเทคโนโลยีใหญ่ครั้งแรกของปี 2023 นั่นคืองาน 𝗙𝘂𝗷𝗶𝘁𝘀𝘂 𝗗𝗮𝘆 𝗧𝗵𝗮𝗶𝗹𝗮𝗻𝗱 𝟮𝟬𝟮𝟯  : 𝗗𝗮𝘁𝗮 & 𝗔𝘂𝘁𝗼𝗺𝗮𝘁𝗶𝗼𝗻 𝗳𝗼𝗿 𝗦𝘂𝘀𝘁𝗮𝗶𝗻𝗮𝗯𝗶𝗹𝗶𝘁𝘆 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิดการมุ่งผสมผสานเทคโนโลยี นวัตกรรมการใช้ข้อมูล และระบบอัตโนมัติ ในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

(more…)

เมือง Oakland ป่วนซ้ำ โดนแรนซัมแวร์โจมตีรอบสองในรอบไม่กี่สัปดาห์

ถือเป็นภัยที่คุกคามความก้าวหน้าของ Smart City เมื่อเมือง Oakland ในสหรัฐ ถูกแรนซัมแวร์โจมตีซ้ำอีกรอบ หลังจากที่เคยโดนโจมตีครั้งแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าเกิดจากความเก่งของแฮกเกอร์หรือความหละหลวมของระบบความปลอดภัยกันแน่

จะว่าไป เมือง Oakland ไม่ใช่องค์กรแรกๆ ที่โดนแรนซัมแวรืโจมตีติดๆ กันในช่วงไม่กี่สัปดาห์ เพราะรายงานของศุนย์เฝ้าระวัง Sophos X-Ops เปิดเผยเมื่อเดือนสิงหาคม 2565 บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่ง โดนแก๊งแรนซัมแวร์ที่แตกต่างกัน 3 กลุ่มภายในสองสัปดาห์ การโจมตีสองครั้งเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงสองชั่วโมงเท่านั้น

โดยแก๊งแรนซัมแวร์ LockBit ออกมาอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีในครั้งนี้ และขู่ว่าจะเผยแพร่ข้อมูลที่ขโมยมาภายในเดือนเมษายนหากไม่ได้รับค่าไถ่

แม้ว่าการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์รอบสองนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบแจ้งเหตุ 911 และบริการฉุกเฉินของเมือง แต่ระบบอื่นๆ ต้องหยุดการให้บริการ รวมถึงบริการโทรศัพท์และระบบที่ใช้ในการประมวลผลรายงาน เรียกเก็บเงิน และออกใบอนุญาตต่างๆ

ในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีเมือง Oakland กล่าวว่ากำลังเร่งฟื้นฟูระบบไอทีที่ได้รับผลกระทบ และเอฟบีไอยังให้ความช่วยเหลือในการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อถูกถามว่าเมื่อใดระบบทั้งหมดของเมืองจะกลับมาออนไลน์อีกครั้งเมื่อไร ได้รับคำตอบว่า “เรามองในแง่ดีว่าระบบจะกลับมาทำงานอีกครั้ง ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หรืออาจจะเป็นเดือนหน้า”

ที่มา : bleepingcomputer

Microsoft เพิ่มโปรแกรมสร้างภาพ DALL-E ของ OpenAI มาไว้ใน Bing แล้ว

Microsoft ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า Bing ที่เสริมศักยภาพด้วย AI ใหม่จะช่วยให้ผู้ใช้สร้างรูปภาพได้จาก Bing Chat โดยความสามารถใหม่นี้ขับเคลื่อนโดย DALL-E ซึ่งเป็นโปรแกรมสร้างรูปภาพของ OpenAI

Image of user asking Bing to create picture of astronaut

เรียกอีกอย่างว่า “Bing Image Creator” ความสามารถใหม่นี้กำลังเปิดตัว แก่ผู้ใช้ในการแสดงตัวอย่างของ Bing และจะใช้งานได้ผ่านโหมดสร้างสรรค์ของ Bing เท่านั้น ในอนาคต โปรแกรมสร้างรูปภาพใหม่จะถูกใส่ไว้ในในแถบด้านข้างของเว็บบราวเซอร์ Edge ด้วย

การเปิดตัว Bing AI ในช่วงแรกนั้นขาดการป้องกันบางอย่าง แต่ Microsoft ได้แก้ไขสิ่งเหล่านั้นแล้ว “เราได้รวมการป้องกันของ OpenAI และเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติมให้กับ Image Creator” Microsoft ระบุ “ตัวอย่างเช่น มีการวางมาตรการควบคุมเพื่อจำกัดการสร้างภาพที่เป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัย เมื่อระบบของเราตรวจพบว่าอาจมีการสร้างรูปภาพที่อาจเป็นอันตรายจากข้อความแจ้ง ระบบจะบล็อกข้อความแจ้งนั้นและเตือนผู้ใช้”

ใครสนใจ เข้าไปลองใช้กันได้ที่ bing.com/create

ที่มา : microsoft, techcrunch+

Samsung งานเข้าเจอรูรั่วในชิปเซ็ต Exynos แค่รู้เบอร์โทรก็แฮกเครื่องได้แล้ว

นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของ Google ได้เตือนผู้ใช้อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ว่า ตรวจพบช่องโหว่แบบ Zero-day หลายจุดในชิปเซ็ต Samsung บางรุ่นอาจทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงและควบคุมสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ของผู้ใช้ได้จากระยะไกล ขอเพียงแค่รู้หมายเลขโทรศัพท์เท่านั้น

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อทีมล่าบั๊ก Project Zero ของ Google ค้นพบและรายงานช่องโหว่แบบ Zero-day 18 รายการในชิปเซ็ต Exynos ของ Samsung ที่ใช้ในอุปกรณ์พกพา อุปกรณ์สวมใส่ และรถยนต์

ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยของโมเด็มในชิปเซ็ต Exynos ถูกรายงานระหว่างปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 ซึ่ง 4 ใน ใน 18 รายการ ถูกระบุว่าช่องโหว่ที่ร้ายแรง ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลในอุปกรณ์ปลายทางโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

“การทดสอบที่ดำเนินการโดย Project Zero ยืนยันว่าช่องโหว่ทั้งสี่นี้ทำให้แฮกเกอร์สามารถโจมตีโทรศัพท์ในระดับเบสแบนด์จากระยะไกลโดยไม่ต้องโต้ตอบกับผู้ใช้ และขอเพียงแค่รู้หมายเลขโทรศัพท์ของเหยื่อเท่านั้น”

หนึ่งในข้อบกพร่องร้ายแรงทั้งสี่นี้ได้รับการกำหนดหมายเลข CVE และติดตามเป็น CVE-2023-24033 ส่วนอีกสามรายการกำลังรอกำหนดหมายเลข

Tขณะที่ช่องโหว่อีก 5 รายการประกอบด้วย CVE-2023-26072, CVE-2023-26073, CVE-2023-26074, CVE-2023-26075, CVE-2023-26076

อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ

อุปกรณ์ที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos ของ Samsung นั้น ไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟนหรือแท๊บเล็ตของ Samung เองเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงอุปกรณ์ของผู่ผลิตรายอื่นๆ ประกอบด้วย

  • สมาร์ทโฟน Samsung ตระกูล S22, M33, M13, M12, A71, A53, A33, A21, A13, A12 และ A04
  • สมาร์ทโฟน Vivo ในซีรีส์ S16, S15, S6, X70, X60 และ X30
  • สามาร์ทโฟน Google Pixel 6 และ Pixel 7
  • อุปกรณ์สวมใส่ที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos W920
  • ยานพาหนะที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos Auto T5123

การแก้ไข

ถึงตอนนี้ Google ได้ออกตัวแก้ไขประจำเดือนมีนาคม เพื่ออุดช่องโหว่ CVE-2023-24033 ที่ส่งผลต่ออุปกรณ์ Pixel แล้ว

ในส่วนของ Samsung เอง ขณะนี้บริษัทได้ออกตัวอัปเดทเพื่ออุดช่องโหว่นี้แล้วเช่นกัน และได้ส่งให้ผู้ผลิตรายอื่นที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos แล้ว แต่แพตช์ดังกล่าวยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะและผู้ใช้ทั่วไปยังไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

ขณะที่อุปกรณ์ของผู้ผลิรายอื่นที่ยังไม่มีการออกตัวแก้ไขออกมา ผู้เชี่ยวชาญของ Google แนะนำให้ปิดการโทรผ่าน Wi-Fi และ Voice-over-LTE (VoLTE) เพื่อป้องกันการเรียกใช้รหัสเบสแบนด์จากระยะไกล

ที่มา : Theregister, Bleepingcomputer

อินเตอร์คอมอัจฉริยะ Akuvox E11 มีช่องโหว่นับสิบ

นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Claroty คุณ Vera Mens รายงานว่า พบช่องโหว่สิบกว่ารายการในเครื่อง E11 ซึ่งเป็นสมาร์ทอินเตอร์คอมของบริษัทจีนชื่อ Akuvox เป็นช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้

(more…)