“เวียดนาม” จะออกกฎหมายรองรับ Bitcoin ภายในปี 2017

มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลเวียดนามจะเตรียมร่างกฎหมายรองรับสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่าง Bitcoin ออกมาใช้งานกันไม่เกินสิ้นปีนี้ หลังนานาชาตินำขบวนไปก่อนแล้วมากมาย ซึ่งสาเหตุที่เวียดนามล่าช้านั้นเป็นไปได้ว่า เวียดนามยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้มากพอ ประกอบกับที่ผ่านมา กฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศมีเพียงกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (the Anti-Money Laundering Act) เท่านั้น แถมทั้งงานวิจัยด้าน Bitcoin ก็ยังมีไม่มากนักด้วย
นั่นจึงหมายความว่า ปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่นักกฎหมายของเวียดนามต้องทำงานอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจในเศรษฐกิจดิจิตอล (The Digital Economy) และทำให้มันสามารถประยุกต์ใช้ได้จริงเพื่อให้ภาคธุรกิจได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้มีการประเมินความเสี่ยงของการใช้สกุลเงินดิจิตอลเอาไว้มากมายว่าอาจทำให้เกิดการฟอกเงิน การเลี่ยงภาษี และการกระทำผิดอื่น ๆ ตามมาได้ และทางการเวียดนามก็เคยมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้ Bitcoin มาแล้วบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ดี หน่วยงานเพื่อการป้องกันการก่ออาชญากรรมไฮเทคของกระทรวง Public Security ก็ได้ออกมาเผยตัวเลขของการใช้สกุลเงินดิจิตอลที่เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มาจาก Airbitclub และBitkingdom เนื่องจากมีการให้สัญญาเรื่องผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือในส่วนของผู้ใช้งานกระเป๋าสตางค์ดิจิตอลปัจจุบันเวียดนามก็มีผู้ใช้งานระบบดังกล่าวอยู่ราว 2.2 ล้านคน ซึ่งทำให้เทรนด์ของ Internet Payments และ Cryptocurrency เป็นสิ่งที่รัฐบาลเวียดนามต้องหันมาเผชิญหน้า ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
สำหรับความกังวลในการใช้ Bitcoin นั้น รัฐบาลเวียดนามอาจต้องพิจารณาการประยุกต์ใช้ของประเทศฟิลิปปินส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ Bitcoin ว่าประสบความสำเร็จได้อย่างไร
โดยในฟิลิปปินส์นั้น มีการใช้ Bitcoin อย่างแพร่หลาย และฮอตฮิตที่สุดก็คือการส่งเงินกลับบ้านของชาวฟิลิปปินส์ที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งมีตัวเลขคร่าว ๆ ระบุว่า ชาวฟิลิปปินส์ส่งเงินกลับบ้านกันมากถึงปีละ 231 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ สตาร์ทอัปในเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่ชาวฟิลิปปินส์ไปทำงานเป็นจำนวนมากรายหนึ่ง จึงได้มีการพัฒนาเครื่องมือสำหรับช่วยโอนเงินโดยใช้ Bitcoin ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก และปัจจุบัน การโอนเงินด้วย Bitcoin นั้นมีส่วนแบ่งถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของรูปแบบการโอนเงินทั้งหมดที่ชาวฟิลิปปินส์ใช้ในการส่งเงินกลับบ้านกันแล้ว
ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในอีกไม่ช้า ประเทศในภูมิภาคเอเชียก็จะถูกกดดันให้ออกกฎหมายรองรับการใช้งาน Bitcoin ไม่ต่างจากที่ทำได้สำเร็จมาแล้วในสหรัฐอเมริกา เยอรมนี แคนาดา หรือญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้เทรนด์การโอนเงินผ่าน Bitcoin จะยิ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี การใช้งาน Bitcoin ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะมีตัวอย่างว่า Toast สตาร์ทอัปจากสิงคโปร์รายหนึ่งก็ปฏิเสธการใช้งาน Bitcoin บนแอปพลิเคชันของตนเองแล้ว เนื่องจากมีความกังวลในข้อกฎหมาย หรือด้วยความที่เป็นสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์ เราก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า Bitcoin นั้นมีโอกาสถูกขโมยได้เช่นกัน โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่เกาะฮ่องกงได้เกิดคดีการขโมยเงินดิจิตอลไปมากกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐเกิดขึ้นมาแล้ว