มรรค 4 ในวิถีชีวิตใหม่
โดย พงษ์ ผาวิจิตร (ตีพิมพ์ในนิตยสาร Eworld ฉบับเดือน กันยายน 2011)
ถ้าท่านเป็นประเทศที่ยากจน แล้วอยากพัฒนาประเทศให้ทันสมัย จะทำอย่างไร
- ส่งคนหัวดี / ข้าราชการไปดูงานต่างประเทศ แล้วกลับมาเกทับว่า “ข้านี่แหละ ชนชั้นระดับอินเตอร์เพราะเคยผ่านประเทศนอกมาแล้ว” สรุปแล้วส่วนใหญ่ร้อยละ 60 ไม่ได้กลับมาแก้ปัญหา แต่กลับมานั่งดูปัญหา แนวนี้มีหลายประเทศยึดถือ
- ส่งคนไม่มีทางเลือกไปตายเอาดาบหน้า เช่น คนจีนโพ้นทะเลที่บรรพบุรุษอพยพหนีไปหากินต่างแดน คนอีสานที่ไปตั้งรกรากที่อื่น ชาวอินเดียหนีมาขายโรตีบ้านเรา แล้วส่งเงินกลับไปเลี้ยงน้องให้ได้รับการศึกษา มีบ้างที่กลับประเทศบ้านเกิด มีบ้างที่ถือโอกาสสิงสู่อยู่ประเทศปลายทางเลย
- นำเข้าความเจริญของคนต่างชาติมาให้คนในบ้านดูเป็นแบบอย่าง อย่างจีนที่จัดโอลิมปิก แล้วให้คนที่พัฒนากว่า เจริญกว่าเข้ามาชมกีฬา แต่คนจีนได้ดูแบบอย่าง วิถีชีวิตของคนต่างชาติกับตา ดีกว่าการฟังพร๊อพปากันดาของรัฐบาลทางทีวี
- สร้างรูปแบบการพัฒนาด้วยตัวเอง ก็ประเทศที่พัฒนาแล้ว เมื่อก่อนก็ล้าสมัยทั้งนั้น เขามาด้วยเส้นทางนี้
แล้วถ้าท่านเป็นคนตกยุค.. ท่านจะพัฒนาตัวเองอย่างไร..
- บอกกับตัวเองว่า “ถ้าฉันมีเครื่องมือโน่นนี่ หรือ ถ้าฉันได้มีโอกาสเหมือนคนอื่น ป่านนี้ฉันไปไกลกว่านี้แล้ว” แปลไทยเป็นไทยคือ.. ฉันมีความสุข ความเชื่อว่า ปัจจัยความสำเร็จทั้งหมด ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น iPad, iPhone, รถ Mini รวมๆ แล้วคือ สิ่งทั้งหลายทั้งปวงจะช่วยให้ สมอง Mini ของฉันที่เป็นเจ้าของ iDiot (อ่านว่าไอเดียต เหมือนไอแพด ไอโฟน กรุณาอย่าอ่านว่า อีเดียต เดี๋ยวจะเสียรสชาด)
- นั่งปลงตกว่า ..ชาตินี้คงหมดหวัง..โชคดีที่เกิดมาเป็นชาวพุทธ เพราะเรามีชาติหน้าให้หวัง ถ้าเป็นชาวอื่นๆ เขาคงไม่มีชาติหน้าให้หวังแน่ๆ .. แต่พอถึงชาติหน้า ท่านลืมไปอีกว่า ท่านก็จะหาเหตุผลมาอธิบายอีกว่า “ก็เพราะเรามีกรรมเก่าเมื่อชาติที่แล้ว..ชาตินี้เราถึงยังลำบาก” เวร..ชาติที่แล้วก็หวังชาตินี้ ชาตินี้ก็โทษชาติที่แล้ว..
- ถ้ายังไม่แต่งงาน ก็หวังว่า สักวันจะมีคนดีๆ เก่งๆ มาแต่งงานกับคนอย่างฉัน จากนั้นทุกอย่างก็ดีขึ้น.. แต่ลองนั่งคิดกลับว่า ..คนไม่เอาอ่าวยิ่งกว่าเราก็คิดแบบเดียวกับเรา เช่น พนักงาน รปภ. ก็หมายตาดอกฟ้าที่จบ ป.โท ทำงานเป็นหลักแหล่งมาเป็นแม่ศรีเรือน.. ถ้าท่านเผลอไปตำหนิ รปภ.ว่าไม่เจียมตัว..มันจะเข้าตัวท่านเองเช่นกัน
- รอหวย..
- ลุกขึ้นทำ Just do it!
หมดเวลาแล้วครับ.. ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแนวทางข้างต้น แต่ถ้าท่านหลงอ่านมาถึงตรงนี้ ก็แสดงว่าท่านเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เข้าใจระเบียบโลกใหม่ที่กิจกรรม Work, Learn, Play, & Live ไม่มีพรมแดนอีกต่อไป ไม่ว่าจะในมิติไหนก็ตาม: เวลา, สถานที่, นายจ้าง, ลูกจ้าง, คนซื้อ, คนขายฯลฯ และเส้นทางลัดทั้งหมดข้างต้นกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรือข้อตำหนิอีกต่อไป.. ท่านต้องท่องคำนี้ว่า “มันคือยาหมดอายุแล้ว”.. หากดันทุรังใช้ต่อ ไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยรักษาโรค แต่อาจทำให้ท่านตายได้ด้วยซ้ำ เส้นทางใหม่นี้คือเส้นทางมั่วยิ่งกว่าตำสั่ว
ถ้าจะพูดอย่างหยาบๆ ก็คือ ท่านจะต้องหาน้ำหอมในกองอุจจาระ.. หาคนซื้อตอนซื้อของ .. เรียนสิ่งใหม่จากงานที่กำลังทำ.. กินข้าวไปทำงานไป (ถึงไม่ทำในทางกายภาพก็ทำในหัวสมอง) ..ไปเช็งเม้งพร้อมๆ กับพักร้อนไปในตัว.. โทรหาคนรักในห้องน้ำ ฯลฯ .. ซึ่งการจะเข้าถึงมรรคทั้ง 4 ต้องอาศัยนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยจัดการความซับซ้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..
.. ท่านต้องเข้าใจว่า ..เราอยู่ในยุคที่ห้าของระบอบเศรษฐกิจใหม่ คือ เศรษฐกิจแห่งความฝัน
..ท่านต้องรู้จักการใช้เครื่องมือสมัยใหม่ทั้ง 5 ยุค.. คอมพิวเตอร์(ที่เปลี่ยนไปเป็น Cloud Computing แล้ว) ไมโคร.โน้ตบุ๊ก..โทรศัพท์.. แทบเลต.
..ท่านต้องรู้จักครูคนใหม่ 3 คนและสามารถใช้อย่างคล่องแคล่าว.. google, youtube, Wikipedia
..ท่านต้องรู้จักร้านกาแฟสถานที่เครือข่ายเพื่อนใหม่ ที่ชื่อร้าน Facebook
..ท่านต้องรู้จักการดำรงวิถีชีวิตประจำวันว่าจะไปซื้อของ ไปธนาคาร จ่ายประกัน ทำบัตร ฯลฯ อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ
…ท่านต้องรู้จักการโอนย้ายครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติ บางส่วน บางด้าน ไปอยู่ในอวกาศ เพื่อให้ง่ายต่อการประสานงาน พูดคุยผ่านนวัตกรรม Social Media ใหม่ๆ
…ท่านต้องเข้าประเด็นสังคม การเมืองว่ามีมิติที่เคยซ่อนเร้น บัดนี้ได้ปรากฏกายบนสื่อสาธารณะบนเครือข่ายเน็ต
ยังไม่จบครับ.. นิยายเรื่องนี้เพิ่งเริ่มต้น..ที่นวัตกรรม กระแสสังคมเป็นผู้เขียนบทเริ่มต้น แต่บทต่อๆ ไป และบทจบ เป็นหน้าที่ของท่านต้องเขียนเอง.. นักการเมืองยังตกใจที่ตอนนี้ชาวบ้านไม่ได้มาฟังการหาเสียง แต่เดินเข้าหาผู้แทนแล้วบอกว่า ผู้แทนต้องทำอะไรบ้าง แล้วเขาจะเลือก เหมือนกับว่าชาวบ้านเลี้ยงต้อยนักการเมือง ไม่ใช่มีนักการเมืองสำเร็จรูปให้เขาชอปปิ้ง .. ท่านเชื่อเถอะว่า..อนาคตอันใกล้ ท่านยิ่งจะตอบไม่ได้มากยิ่งขึ้นว่า ท่านทำงานอะไร? (work) บ้านอยู่ตรงไหน? (live) จบอะไรมา กำลังเรียนอะไรอยู่(Learn) และทำอะไรเป็นงานอดิเรก (Play- fb, golf, Farmville หรือขี่จักรยาน?) ผู้เขียนเป็นคนหนึ่งที่ตอบคำถามข้างต้นไม่ได้มานับสิบปีแล้ว เพราะยังตอบตัวเองไม่ได้เลย ทำมาหากินอะไร- เพราะแหล่งรายได้ในรอบห้าปีที่ผ่านมาไม่เหมือนเดิมสักปี อาศัยอยู่ที่ไหน- ถึงแม้ว่าจะมีบ้านอยู่ แต่ปรากฏว่าจำนวนวันที่อยู่บ้านน้อยกว่าอยู่ที่อื่น ๆ เสียอีก.