06/09/2023

ผู้กำหนดอนาคตรายใหม่

โดย พงษ์ ผาวิจิตร (ตีพิมพ์ในนิตยสาร Eworld ฉบับเดือน มิถุนายน 2012)

Higg อนุภาคพระเจ้าที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นสารตั้งต้นของสรรพสิ่งในจักรวาลที่เกิดขึ้นเมื่อราว 14 พันล้านปี รวมถึงการให้กำเนิดก๊าซไฮโดรเจน ธาตุที่มีมากที่สุดในจักรวาล เมื่อรวมกับก๊าซอีกตัวที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์คืออ๊อกซิเจน เราก็ได้สิ่งใหม่ที่มีสถานะต่างจากสารตั้งต้นอย่างสิ้นเชิง คือ น้ำ และการแปรสภาพน้ำกลับคืนไปเป็นสารตั้งต้นใช้พลังงานมหาศาลในการนำมันกลับไป

และน้ำก็เป็นสารตั้งต้นตัวใหม่ที่ก่อให้เกิดชีวิต ชีวิตก่อให้เกิดวิวัฒนาการ วิวัฒนาการก่อให้เกิดสังคม วัฒนธรรม อารยธรรม และเทคโนโลยีในที่สุด หากเราสืบสานตำนานการเปลี่ยนแปลง สิ่งประดิษฐ์ หรือปรากฏการณ์ใดๆ ก็ตาม จะพบว่า สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยในห่วงโซ่แห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ และนับจากนี้ไป ท่านเชื่อหรือไม่ว่า สารตั้งต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลตัวใหม่คือ “โทรศัพท์มือถือ” เมื่อหลายปีก่อน พวกเราเคยตื่นเต้นกับการมาถึงของอินเทอร์เน็ต แต่อินเทอร์เน็ตเป็นเพียงตัวกระตุ้นต่อมการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เท่านั้น หากไม่มียานพาหนะ มนุษย์จะไม่มีวันเดินทางข้ามหมู่บ้านไปทำงานแน่ เช่นเดียวกัน   ต่อมการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์จะไม่มีวันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพหากไม่มีเครื่องมือที่เรียกว่า “โทรศัพท์” และต้องเป็นโทรศัพท์อัจฉริยะที่เรียกว่า SmartPhone อุปกรณ์ที่ทำให้ Microsoft ผู้เคยเกรียงไกรต้องเปลี่ยนยุทธวิธีไขว่คว้ามันมาครอบครอง และเชื่อว่าเป้าหมายของ Microsoft คือการทำเรือล่มในหนองด้วยการหมายตาแต่งงานกับผู้เคยทรงอิทธิพลในอดีตอย่าง Nokia หลังจากที่เห็นคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Google เกี่ยวก้อยกับ Motorola ซึ่งก่อนหน้านี้ค่าย Apple ที่ไม่เลือกแต่งงานกับใคร แต่ชิงปั้น iPhone ของตัวเอง (ทำนองเดียวกับไส้เดือนที่ผสมพันธุ์กับตัวเอง โดยไม่ต้องใช้บริการใคร!)  และค่ายน้องใหม่ที่เกรียงไกรได้ไม่นาน และกำลังอยู่ในช่วงโรยลาอย่าง Facebook จำเป็นต้องหาคู่หมายมาอิงแอบเพื่อดำรงการเติบโตต่อไป ก่อนที่จะเฉาตายไปก่อนจะถึงวัยอันควร

ทำไมโทรศัพท์อัจฉริยะถึงมีความสำคัญขนาดนั้น? เพราะมันเป็นเครื่องมือที่เมื่อมีจำนวนมากๆ แล้วก็เหมือนกับฝูงปลาพิรันยาที่แม้แต่ช้างหรือเสือตัวใหญ่ๆ ก็หายวับไปกับตาภายในไม่ถึงสิบนาที  โทรศัพท์มือถือเคยทำให้นักการเมืองที่เกรียงไกร กองทัพที่ยิ่งใหญ่ของทรราชย์ในบางประเทศหลุดจากอำนาจได้ง่ายกว่านักการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามเสียอีก และจากนี้นวัตกรรมใหม่ๆ ทางสังคมจะบังเกิดขึ้นจากการใช้เจ้าเครื่องมือนี้ เพราะเชื่อกันว่าภายในเวลาไม่ถึง 4 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรที่ถือเจ้าเครื่องมือนี้ทั่วโลกจะมีจำนวนถึง1,000 ล้านคน และด้วยจำนวนที่มากมายขนาดนี้ ก็ทำให้เกิดการสร้างงานอย่างมหาศาล ครั้งหนึ่งคนเพียงหยิบมือสามารถกลายเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่เจ้าเครื่องมือนี้จะทำให้คนธรรมดาหลายๆ คน แม้แต่เด็ก กลายเป็นโปรแกรมเมอร์ได้ และตัดห่วงโซ่การเป็นเศรษฐีโดยแทบไม่ต้องไปทำ IPO หรือหา Venture Capital ที่ไหน เนื่องจากเมื่อสร้างเสร็จก็สามารถ Ready to Shelf ให้คนได้ใช้กันทั่วโลก เชื่อกันว่าเฉพาะในอเมริกาเพียงแห่งเดียว ความแพร่หลายของสมาร์ทโฟนก็ทำให้เกิดการสร้างงานขึ้นแล้วอย่างน้อยครึ่งล้านตำแหน่ง มากกว่านักการเมืองที่ต้องใช้ภาษีของประชากรเป็นตัวกระตุ้นเสียอีก เมื่อรวมรายได้ที่เจ้ากลุ่มนี้ทำได้ ก็มากกว่า 55 พันล้านเหรียญหรือขนาดมากกว่าความรวยของบิลเกตเสียอีก แต่ดีกว่าตรงที่เป็นการกระจายรายได้ให้คนเกือบล้าน แทนที่จะกระจุกตัวที่คนเดียวอย่างแต่ก่อน เรียกว่ามันช่วยให้เกิดการกระจายรายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านโยบายของรัฐบาลเสียอีก นี่เพียงประเทศเดียว หากนับทั้งโลก เชื่อว่าตัวเลขต้องมากกว่านี้สองสามเท่า

เชื่อกันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เจ้าสมาร์ทโฟนจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ในมิติของเทคโนโลยี แต่หมายถึงในมิติของสังคมและวิถีการใช้ชีวิตอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อน อาทิเช่น..

.. ขนาดที่เล็ก และบางลง .. อันเป้าหมายที่แน่นอน แต่มันอาจทำให้เจ้าจอมอนิเตอร์ใหญ่ๆ อย่าง LED ขนาด 40-50 นิ้วหายไปจากตลาด เพราะโทรศัพท์ในอนาคตจะสามารถฉายภาพไปลงบนพื้นผิวใดๆ ให้มีภาพแจ่มชัดได้เท่ากับจอ LED ในขณะนี้ แล้วทำเราถึงต้องมีจอ LED ให้เกะกะพื้นที่อีกต่อไป

…ช่วยเป็นหน่วย Swat ในการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมให้เรา.. ไม่ต้องมีบอร์ดีการ์ดหรือคนให้บริการล้อมหน้าล้อมหลังอย่างปัจจุบัน เมื่อท่านเข้ารถ มันก็จะเชื่อมต่อกับระบบของรถยนต์ เมื่อท่านเข้าบ้าน มันก็จะเชื่อมต่อกับระบบในบ้านที่ทำให้ได้มากกว่าแค่การเปิดปิดแอร์ แต่สามารถขนาดช่วยวิเคราะห์ได้ด้วยว่าสิ่งแวดล้อมในแต่ละขณะจะมีปัญหาต่อสุขภาพของท่านในขณะนั้นหรือไม่ และเมื่อท่านเข้าห้างสรรพสินค้า มันก็จะเชื่อมต่อกับระบบส่งเสริมการขายโดยให้ข้อมูลเฉพาะที่ท่านต้องการ จากการวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อในอดีตของท่าน ถ้าไข่ในตู้เย็นหมด แล้วบังเอิญท่านเดินผ่านแผงขายไข่ มันก็จะเตือนให้ท่านซื้อไข่ เรียกว่าช่วยให้ท่านได้ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพทุกลมหายใจที่พ่นออกและสูดเข้า

….ช่วยเป็นกองทัพเลขาที่คอยเก็บข้อมูลทุกอย่าง.. ไม่เพียงแค่หนึ่งเลขา แต่เทียบเท่ากับหน่วย CIA ที่คอยเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลให้กับรัฐบาลอเมริกา ถึงตอนนั้น ท่านจะสามารถจำคนได้ทุกคนที่เดินผ่านท่าน เฉกเช่นเดียวกับที่ทุกวันนี้เราเข้าไปเช็คประวัติ หาเพื่อนเก่าของเราจาก Facebook ท่านไม่ต้องกลัวว่าท่านจะหาเรื่องอะไรมาเม้าท์กับเพื่อนใหม่ เพราะเจ้าโทรศัพท์จะแนะแนะนำว่าเพื่อนใหม่ของท่านสนใจอะไร และเพื่อนใหม่ของท่านก็รู้เท่าท่านท่านพอกันว่า ท่านไม่อยากฟังเรื่องเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง

…คอยถ่วงดุลย์หูของท่านไม่ให้เบา.. แน่นอนว่าหากมีข้อมูลมากเกินไป ก็อาจสมองบวมข้อมูล เจ้าโทรศัพท์จะคอยบอกว่า วันนี้ท่านจะเชื่อการวิเคราะห์สรยุทธได้กี่เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าทุกข่าวสารที่ได้รับก็จะมีข่าวสารดุลย์กันมาให้เราตัดสินใจ เชื่อว่าระบบอย่างนี้น่าจะเป็นคุณกับประเทศไทย ประเทศที่ตื่นข่าวลือได้ทุกชนิด แต่ไม่เชื่อในข่าวจริง

….ช่วยท่านหาเงิน.. แน่นอนเลยว่าระบบอย่างนี้ถูกใจทุกคน เพราะในเมื่อเจ้าสมาร์ทโฟนสามารถทำให้เราใช้เวลาทุกลมหายใจเข้าออกได้อย่างมีความหมาย ก็หมายความว่า มันจะช่วยเราหาเงินได้จากการเดินทางได้เช่นกัน อาทิเช่นหากท่านกำลังเดินในห้างสรรพสินค้าแล้วบังเอิญมีการวิจัยทางการตลาดซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านชำนาญ เช่น ว่าเรื่องประสบการณ์การใช้รถกะบะ ประสบการณ์การใช้กล้องถ่ายรูป มันก็จะช่วยสมัครให้ท่านไปเสนอหน้าเป็นตัวอย่างแล้วได้เงินค่ากาแฟสักร้อยสองร้อยบาท หรือในอีกนัยหนึ่ง หากท่านบังเอิญเป็นคนที่มีข้อมูลเฉพาะด้านที่คนที่เดินสวนกับท่านต้องการข้อมูลชิ้นนั้นอยู่ ท่านก็อาจจะเสนอขายข้อมูลนั้นให้กับคนๆ นั้น เช่น ในบางกรณีที่นักท่องเที่ยวกำลังเดินหาโรงแรมอยู่ แล้วเราก็เป็นคนแถวนั้น นักท่องเที่ยวคนนั้นน่าจะยินดีจ่ายค่าข้อมูลสัก 20-30 บาท แลกกับค่าแท๊กซี่ที่ถูกลงหรือค่าห้องที่ถูกลงสัก 500 บาท สำหรับคนเดินทางบ่อยๆ คงมีประสบการณ์เช่นนี้ เพราะแค่ข้อมูลนิดเดียวก็ช่วยให้เราไม่ต้องโดนแท็กซี่ตุ๋นหรือแค่เดินข้ามถนน เราอาจได้ห้องที่ถูกลงถึง 1,000 บาท แลกกับข้อมูลเพียง 20 บาท ถือว่าคุ้มมาก

…. ช่วยเป็นมัคคุเทศน์ท่องโลก.. โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ก่อให้คนมีนิสัยไม่อยู่กับที่มากขึ้น เพราะถือว่าติดต่อกับคนใกล้ชิดได้ตลอดเวลา จึงไม่ต้องเสนอหน้าให้เห็นตลอดเวลา เมื่อคนชอบท่องโลก ข้อมูลสำหรับสถานที่ที่เราไม่คุ้นเคยจึงจำเป็น ผู้เขียนเป็นผู้หนึ่งที่ได้ใช้อรรถประโยชน์ด้านนี้มาหลายครั้ง เพราะแค่เครื่อง GPS ก็ช่วยให้เรารู้ว่ามีอะไรน่าสนใจในละแวกนั้น มีร้านอาหารอะไรที่ควรลอง โดยไม่ต้องพึ่งแผนที่

…ช่วยทำให้เราทำความรู้จักกับคนอื่นได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงแต่เรื่องของข้อมูลที่รู้เขารู้เราเท่านั้น แต่หมายถึงเราสามารถทำกิจกรรมร่วมกับคนแปลกหน้าได้ง่ายขึ้น ด้วยการเล่นเกม ช่องว่างระหว่างพ่อแม่ที่ถ่างออกไป จะกลับมาใกล้ชิดเหมือนเดิมด้วยการเล่นเกมบางอย่างร่วมกัน แม้พ่อแม่ลูกอาจจะไม่ได้อยู่ในเมืองเดียวกันก็ตาม

คาดกันว่า จะเกิดมิติใหม่ๆ ของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตจากเจ้าสมาร์ทโฟนนี้อีกมากมาย..

Leave a Reply